จัดบ้านให้ปลอดภัย รับมือไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

13 มี.ค. 2566
          ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 10% ของประชากร ซึ่งนั้นหมายถึงการที่เรากำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรผู้สูงอายุในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และคาดการณ์ว่าภายในปี 2574 เราจะมีผู้สูงวัยมากกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และส่งผลให้ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์นั้นเอง


 

          สภาพสังคมที่เปลี่ยนไปย่อมทำให้วิถีชีวิตอื่นๆเปลี่ยนไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย เชื่อว่าหลายๆครอบครัวคงจะเป็นกังวลกับการสร้างบ้านที่มีผู้สูงวัยอาศัยอยู่ด้วย เพราะยิ่งคนเราอายุมากขึ้น สมรรถภาพทางร่างกายก็ยิ่งเสื่อมถอยไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น การสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผู้สูงอายุ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกบ้านควรให้ความสำคัญ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้คุณตาคุณยายของเราได้ใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขนั้นเอง


1. แสงสว่าง

          ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ความสามารถในการมองเห็นลดลงอันเนื่องมาจากการเสื่อมสมรรถภาพของดวงตา ดังนั้น ภายในบ้านหรือห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุจึงควรติดหลอดไฟที่มีแสงสว่างแต่นวลตาพร้อมสวิตช์ไฟเรืองแสงเอาไว้ให้เพียงพอ ย้ายตำแหน่งสวิตช์ให้อยู่ในจุดที่เอื้อมถึงง่าย เพื่อความสะดวกและป้องกันอุบัติเหตุในยามค่ำคืน อาจใช้โคมแขวนแทนโคมตั้งพื้นเพื่อป้องกันการสะดุดล้ม ควรติดตั้งไฟที่สามารถปรับความสว่างบริเวณใกล้ห้องน้ำ เพื่อที่เวลาถ้าต้องเปิดไฟตลอดทั้งคืน แสงไฟจากห้องน้ำจะไม่ไปรบกวนสายตาขณะนอนหลับ นอกจากห้องน้ำแล้ว ควรเพิ่มความสว่างให้กับบริเวณบ้านบางจุดที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่าย เช่น บันได ประตู ระเบียง เป็นต้น


2. พื้น

          บ้านที่มีผู้สูงอายุควรปูพื้นบ้านด้วยวัสดุที่เรียบ กันลื่น ไม่ขัดมัน เพื่อป้องกันการสะดุดหรือลื่นล้ม นอกจากนี้ ยังไม่ควรทำพื้นต่างระดับในบ้านที่มีผู้สูงอายุ แต่หากไม่สามารถเอาพื้นต่างระดับออกได้ แนะนำให้ทำเครื่องหมายหรือแยกสีให้ชัดเจน พื้นในห้องน้ำควรมีการแยกโซนเปียกและโซนแห้งออกจากกัน พื้นที่อยู่โซนเปียกควรเป็นพื้นผิวหยาบเพื่อป้องกันการลื่นล้ม ไม่ควรวางพรมบนพื้นที่เป็นเส้นทางทางเดิน เพราะนอกจากจะเป็นที่กักเก็บฝุ่นละอองซึ่งส่งผลต่อการหายใจของผู้สูงอายุแล้ว พรมยังเป็นสิ่งที่ทำให้สะดุดหรือลื่นได้ง่าย แต่ถ้าอยากวางพรมจริงๆ แนะนำให้ใช้พรมแบบกันลื่น หรือติดเทปเอาไว้ที่มุมเพื่อยึดพรมกับพื้นให้แน่น และหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆเพื่อไม่ให้มีฝุ่นเกาะเพื่อความปลอดภัย


3. การถ่ายเทอากาศ โล่งสบาย

          ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ชอบห้องที่อากาศปลอดโปร่ง โล่ง และมีลมพัดเย็นสบาย ดังนั้น การจัดห้องให้ผู้สูงอายุจึงควรยกเพดานขึ้นให้สูง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่รกรุงรัง ติดตั้งบานประตูหรือหน้าต่างด้วยกระจกใสเพื่อให้สามารถรับแสงสว่างเข้ามาได้ และช่วยระบายอากาศเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคกลิ่นอับชื้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังดีต่อสุขภาพจิตของผู้สูงอายุอีกด้วย


4. มุมผ่อนคลาย

          เมื่ออายุมากขึ้น การเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อทำกิจกรรมต่างๆย่อมยากลำบาก แต่การนั่งหรือนอนอยู่เฉยๆก็อาจจะส่งผลร้ายยิ่งกว่า ดังนั้น การสร้างมุมผ่อนคลายให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆจึงเป็นทางเลือกที่ดี เช่น มุมออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น อีกหนึ่งเทคนิคดีๆเพื่อมุมสบายๆให้กับผู้สูงอายุคือการสร้างพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เช่น การจัดสวนหย่อม การวางแจกันไว้ตามมุมห้อง การมีพื้นที่สีเขียวอยู่รอบตัวจะทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติซึ่งดีต่อสุขภาพจิตและร่างกายของผู้สูงอายุนั้นเอง


          ผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกายค่อนข้างมาก ดังนั้น การตกแต่งบ้านควรจะเอื้อต่อการใช้ชีวิตและความสะดวกสบายให้กับร่างกายที่ไม่อำนวยนั้น แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งาน โดยเฉพาะในเรื่องของแสงสว่างและพื้น นอกจากการดูแลผู้สูงอายุในเรื่องของความปลอดภัยภายในบ้านแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ความรักและการดูแลเอาใส่ใจทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพียงเท่านี้ ญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักก็จะมีความสุข มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อยู่กับลูกหลานอย่างเราไปได้นานๆ


เรื่องราวที่ใกล้เคียง

ข้อมูลบริษัท
บริษัท บีเคเค เรียลตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
79/48 ถนนนิมิตรใหม่ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510
020759855 ,0983029898
info.bkkrealty@gmail.com