ตรวจรับบ้านสำคัญอย่างไร
การตรวจรับบ้าน เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนการเซ็นรับกรรมสิทธิ์ ซึ่งหมายถึงการที่คุณยอมรับสภาพบ้านหลังนั้นอย่างสมบูรณ์ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นหลังจากนี้คุณจะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ขั้นตอนนี้จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบอย่างมาก ดังนั้น หลายคนจึงเลือกใช้บริการของบริษัทตรวจรับบ้านให้มาทำหน้าที่นี้ เพราะความรู้เรื่องบ้านและโครงสร้างต่าง ๆเป็นสิ่งที่หากไม่ได้ประกอบอาชีพทางด้านนี้โดยตรงก็คงยากที่จะทำการตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง ความสำคัญของการตรวจรับบ้านไม่เพียงเพื่อการรับโอนกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังเพื่อตรวจสอบคุณภาพบ้านที่คุณจะเข้าอยู่อาศัย ในทางตรงกันข้าม หากคุณพลาดการตรวจในจุดสำคัญไป สิ่งที่ตามมาอาจจะเป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่บานปลายโดยไม่จำเป็นก็ได้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับโอนบ้าน
1. โครงสร้าง ผนัง และพื้น
โครงสร้าง ผนัง และพื้นคือสิ่งที่คุณจะเห็นก่อนเป็นอันดับแรกเมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน และเพราะแบบนั้นจึงสามารถสังเกตเห็นข้อบกพร่องได้ง่าย คุณควรเดินสำรวจโครงสร้างรอบๆโดยละเอียด สังเกตวัสดุของพื้นและผนังว่าตรงสเปคหรือไม่ มีรอยร้าวหรือเปล่า สำหรับพื้นจะต้องได้ระนาบและเสมอกัน หากเป็นพื้นกระเบื้องและปาร์เก้ต้องไม่มีเสียงก้องเวลาเคาะลงไป ส่วนพื้นลามิเนตจะต้องไม่ยวบเวลาเดิน
2. ช่องเปิด
ควรทดลองใช้งานช่องเปิดทั้งภายในและภายนอกก่อนเสมอ ซึ่งช่องเปิดในที่นี้ไม่ใช่แค่ประตู หน้าต่าง เท่านั้น ยังรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ ช่องระบายอากาศ บานพับ บานเลื่อน ให้ตรวจดูจนมั่นใจว่าปิดสนิท แข็งแรง และสามารถล็อคได้อย่างแน่นหนาจริงๆ
3.หลังคา
เราสามารถสังเกตปัญหาหลังคารั่วได้จากรอยหยดน้ำบริเวณพื้นบ้าน หรือคราบน้ำจากฝ้าเพดาน ซึ่งหลังคาที่ดีไม่ควรสร้างปัญหาการรั่วซึม และฝ้าเพดานควรได้ระดับเท่ากัน
4. ระบบไฟ
ตรวจการทำงานของระบบไฟว่าสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ปลอดภัยไม่มีการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า นอกจากนั้นควรตรวจสอบไฟส่องสว่างที่จำเป็นทั้งภายใน-ภายนอกบ้าน ดังนี้
ปลั๊กไฟ : ทดสอบให้แน่ใจว่าไม่การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ตำแหน่งของปลั๊กไฟเป็นไปตามแบบแปลนหรือไม่ ใช้ไขควงวัดไฟ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าทดลองเสียบกับปลั๊กแต่ละจุดดูว่ามีกระแสไฟฟ้าหรือไม่ และหากมีตำแหน่งของปลั๊กในห้องน้ำ จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่โดนน้ำโดยตรง
ไฟส่องสว่าง : สามารถเปิด-ปิดได้จริง และมีความสว่างเพียงพอต่อการใช้งาน หากเป็นไฟนอกอาคารก็ต้องดูให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ ไม่อยู่ในจุดที่เสี่ยงจะเกิดไฟช็อตเช่นจุดที่ฝนสาดเข้ามาถึง
สายไฟ : ตรวจดูว่าติดตั้งได้เรียบร้อยเป็นระเบียบ และควรมีสายดินด้วย
ระบบป้องกัน : มีการติดตั้งเบรคเกอร์เพื่อป้องกันอันตรายจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่น และตรวจดูด้วยว่าขนาดมิเตอร์นั้นเพียงพอต่อจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นภายในห้อง
5. ระบบน้ำ
ระบบน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ระบบไฟ เพราะหากตรวจรับบ้านไม่ดี คุณอาจต้องเสียเงินมหาศาลเพื่อซ่อมแซมก็ได้
การรั่วของน้ำ : ควรทดลองใช้งานพร้อมกับสำรวจว่าน้ำไม่รั่ว หรือซึมแม้แต่จุดเดียว
การไหลของน้ำ : เปิดน้ำดูทุกก๊อกว่ามีน้ำไหลออกมาหรือไม่ ความแรงของน้ำเป็นอย่างไร
การระบายน้ำ : เปิดน้ำและสังเกตว่ามีน้ำเอ่อล้นออกมาจากจุดระบายน้ำหรือไม่ เช่น อ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน ช่องระบายน้ำที่พื้นห้องน้ำ เป็นต้น
สุขภัณฑ์ : ตรวจสอบการระบายน้ำของชักโครก เมื่อชักโครกแล้วควรระบายสิ่งปฏิกูลออกไปได้หมดในครั้งเดียวเพราะหากระบายไม่หมดอาจมีการอุดตันที่ท่อได้
6. รอบๆบ้าน
สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือบริเวณรอบๆบ้าน ทั้งในส่วนของที่จอดรถ ผนังด้านนอกบ้าน สวน รั้ว ทางเดิน ว่าทุกอย่างเก็บงานเรียบร้อยดี ไม่มีหลุม บ่อ หรืออะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดอันตรายขึ้นมาได้
จากรายการที่กล่าวมาเชื่อว่าหลายคนที่กำลังหาข้อมูลอาจจะพอทำเองได้ แต่ถ้าอยากแน่ใจ คุณก็สามารถใช้บริการวิศวกรที่มีประสบการณ์ได้เช่นเดียวกัน แต่ก็คงจะดีกว่าถ้าเจ้าของบ้านจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น จงจำเอาไว้ว่าอย่าหลงกลเจ้าหน้าที่โครงการที่มักจะมากล่อมให้เราเซ็นรับทั้งๆ ที่บ้านยังไม่พร้อมเด็ดขาด เพราะเมื่อเจ้าของโครงการได้เงินจากเราไปแล้ว ความสนใจในการแก้ไขบ้านให้เราก็จะหมดลงตามไปด้วยนั้นเอง